เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network)

เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network)
การใช้ประโยชน์เพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน    
           สังคมออนไลน์ (Social networking) คือสังคมที่ผู้คนสามารถทำความ
รู้จักร่วมแบ่งปันสิ่งที่สนใจ และสามารถเชื่อมโยงกันได้ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ในโลก
อินเทอร์เน็ต โดยอาศัยรูปแบบการบริการ เรียกว่า บริการเครือข่ายสังคม หรือ Social
Networking Service (SMS) โดยอาศัยรูปแบบของเว็บไซค์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม สำหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต ที่ใช้เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจกรรมที่ได้ทำ และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น รวมทั้งข้อมูลส่วนตัว


ประเภทของ SNS
                กลุ่มเว็บไซต์เผยแพร่ ตัวตน เว็บไซต์เหล่านี้ใช้สำหรับนำเสนอตัวตน และเผยเรื่องราวของตนเองทางอินเทอร์เน็ต หรือผู้ใช้สามารถเขียน blog สร้างอัลบั้มรูปของตัวเอง สร้างกลุ่มเพื่อนในห้องเรียน และสร้างเครือข่ายเพื่อการเรียนรุ้ขึ้นมาได้ ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทนี้คือ myspace.com.hi5 และ facebook .com เป็นต้น
                กลุ่มเว็บไซต์เผยแพร่ ผลงาน เราสามารถใช้เว็บไซต์เหล่านี้ในการนำเสนอผลงานของตัวเอง ผลงานของกลุ่ม ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอ รูปภาพ หรือเสียง อาจารย์ที่สอนที่ได้จากการบันทึกในชั้นเรียนเป็นต้น ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทนี้เช่น  youtube.com Yahoo VDO.Google VDO.Flickr.Multply.com เป็นต้น
                กลุ่มเว็บไซต์ที่มีความสนใจตรงกัน มีลักษณะเป็น  Online Bookmaking หรือ Social Bookmarking โดยมีแนวคิดที่ว่า แทนที่เราจะทำ Bookmark (เหมือนกับเราคั่นหนังสือ) เว็บที่เราชอบ หรือบทความรายงานที่เกี่ยวข้องกับการเรียน เก็บไว้ในเครื่องของเราคนเดียว สู้เรา Bookmark เก็บไว้บนเว็บจะดีกว่าเพื่อให้จะบ่งให้เพื่อนๆ คนอื่นดูด้วยและเราจะรู้เว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมมากเป็นที่น่าสนใจ โดยดูได้จากจำนวนตัว
เลขที่เว็บไซต์นั้นถูก Bookmark เอาไว้จากสมาชิกคนอื่นๆ ตัวอย่างเว็บไซต์นี้ได้แก่ del.icio.Digg.Zickr.duocore.tv เป็นต้น

                กลุ่มเว็บไซต์ที่ทำงานร่วมกัน เป็นกลุ่ม SNS ที่เปิดให้สมาชิกในกลุ่มมานำข้อมูล ความคิดหรือต่อยอด เรื่องราวต่างๆได้ ตัวอย่างเว็บไซต์นี้ได้แก่ Wikipedia เป็นสาระนุกรมต่อยอด ที่อนุญาติให้ใครก็ได้เข้ามาช่วยกันเขียน และแก้ไขบทความต่างๆ ได้ตลอดเวลาทำให้เกิดเป็นสาระนุกรมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่รงบรวมความรู้ ข่าวสาร และเหตุการณ์ต่างๆ ไว้มากมาย

ข้อดีของ Social Network

                .  สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
                .  เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้             หรือตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพ่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ
                ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นสะดวกและรวดเร็ว
                เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งาน เขียน รูปภาพ วีดีโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามา             รับชมและแสดงความคิดเห็น
                  .  ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วย                    สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
                .  ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น

              

คลายเคลียดได้สำรับผู้ใช้ที่ต้องการหาเพื่อนคุยสนุก
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อนสู่เพื่อนได้
ข้อเสียของ Social Network
เว็บไซต์ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำมาใช้เสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
.  Social Network เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง หากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจโดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต หรืการนัดเจอกันเพื่อจุดประสงค์ร้าย ตามที่เป็นข่าวตาหน้าหนังสือพิมพ์

การเปิดเผยข้อมูลในอินเทอร์เน็ต
                อินเทอร์เน็ตให้โอกาสแก่เด็กและเยาวชนในการค้นพบการติดต่อ และการสร้างสรรค์สิ่งอัศจรรย์ต่างๆ ผ่านการ ออนไลน์ อย่างไรก็ดี ก็มีความเสี่ยงจากการใช้งานอินเทอร์เน็ต อาทิ อินเทอร์เน็ตเป็นเหมือนการเปิดหน้าต่างสู้โลกกว้าง ซึ่งรวมไปถึงเรื่องราวสำหรับผู้ใหญ่ที่มีเนื้อหาสาระที่ไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชนด้วย
                สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัยบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงการปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์จากไวรัสด้วยการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้ดีขึ้น เมื่อใช้งานเราก็สามารถเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยได้โดยการใช้การตั้งค่าตัวกรองและตัวเลือกตัวกรองเนื้อหาซึ่งมีโปรแกรมให้เลือกใช้มากมาย
                การสนทนาออนไลน์ช่วยให้เด็กๆ ได้พูดคุยกับเด็กคนอื่นๆ และมีเพื่อนใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งหมายความว่าเด็กๆ จะทำการแบ่งปันข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับตนเองให้แก่กันและกัน ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งจะทำให้เด็กถูกเปิดเผยตัวตนหรือข้อมูลสำหรับการติดต่อ (ชื่อจริง ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์)
เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงานหรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service เป็นสื่อ                 ในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น


 .  ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ  Social Network ยากแก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้
.  ถ้าผู้ใช้หมกหมุ่นอยู่กับ Social Network มากเกินไปอาจทำให้เสียการเรียนหรือผลการเรียนตกต่ำลงได้
จะทำให้เสียเวลาถ้าผู้ใช้ใช้อย่างไร้ประโยชน์


   จะต้องไม่ถูกเปิดเผยออนไลน์ การปกป้องความลับส่วนบุคคลเมื่อออนไลน์นั้นยังต้องการความเขาใจด้วยว่าข้อมูลที่ให้ไปนั้นสามารถนำไปใช้ได้อย่างไร บุคคลเหล่านั้นยังสามารถถูกเปิดเผยตัวตนโดยการเชื่อมโยงข้อมูลที่ต่างชนิดกันหลายชนิดกันหลายชนิดที่ได้ให้ไปเข้าด้วยกัน เช่น ชื่อโรงเรียน สโมสรกีฬา ท้องถิ่น ที่อยู่อาศัย ฯลฯ
                ควรระมัดระวังเกี่ยวกับการเปิดเผยรายละเอียดสำหรับติดต่อหรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ รูปถ่ายใดๆ ที่ส่งหรือรายละเอียดส่วนบุคคลซึ่งได้เปิดเผยต่อคนแปลกหน้าอาจกลายเป็นของที่ทุกคนบนอินเทอร์เน็ตซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ไดอารี่ออนไลน์อาจเปิดไว้โดยที่บุคคลทั่วไปสามารถเปิดอ่านได้อีกหลายปี เมื่อข้อความหรือรูปถ่ายได้ถูกเผยแพร่ไปบนอินเทอร์เน็ตแล้วเราก็ไม่สามารถควบคุมอะไรได้อีก สิ่งเหล่านั้นสามารถถูกคัดลอกไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและคงเป็นไปไม่ได้ที่จะลบมันออกไปทั้งหมด
แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ในอินเทอร์เน็ต
                ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งอาจมีข้อมูลที่ไม่ตรงกับ ข้อเท็จจริง เพียง บางส่วน การนำเสนอข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้นำเสนอ ข้อมูลเป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือไปด้วย ดังนั้น จึงต้อง ศึกษาว่าข้อมูลที่ได้มา มาจากแหล่งข้อมูลใด น่าเชื่อถือเพียงใด แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือ ได ได้แก่
แหล่งข้อมูลจากหน่วยราชการ
                หน่วยราชการต่างๆ จะมีฝ่ายงานสารสนเทศ หรือฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับงาน ของหน่วยงานนั้นๆ แก่ประชาชน ที่ไปติดต่อ ข้อมูลเหล่านี้ได้ผ่าน การกลั่นกรองมาอย่างดีแล้ว จึงเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้
แหล่งข้อมูลจากสารานุกรม
                สารานุกรม เป็นหนังสือที่รวบรวมความรู้ด้านต่างๆ เอาไว้ โดยคณะทำงานที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชาการจัดทำ พจนานุกรม มีทั้งที่ เป็นเล่ม หนังสือ ละในรูปของ เอกสาร อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สารานุกรมไทยสำหรับ เยาวชน โดยพระราช ประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉบับอิเล็ก ทรอนิกส์ พุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นสารานุกรมที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวให้นักเรียน และเยาวชนไทยค้นหาความรู้ในแขนงต่างๆ

แหล่งข้อมูลจากหนังสือพิมพ์
                หนังสือพิมพ์เป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์อีกแหล่งหนึ่งแต่ การนำข้อมูล โดยเฉพาะข่าวสารหนังสือพิมพ์มาใช้ ต้องตรวจสอบกับหนังสือพิมพ์หลายๆ ฉบับ เฉพาะการนำเสนอข้อมูลแบบวันต่อวัน ผู้เขียนข่าวต้องใช้ ความรีบเร่ง ในการ สรุป ข้มูล อาจทำให้ข้อมูลมีความผิดพลาดไปบ้าง บทความ

ในหนังสือ พิมพ์ ก็เช่นกัน เป็นการเขียนแบบแสดงความคิดเห็นไปด้วยข้อคิดเห็น บางครั้ง ก็ไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง



แหล่งข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ

 ในระบบอินเทอร์เน็ต นักเรียนสามารถหาข้อมูล ได้ทุกประเภท โดยการ พิมพ์ชื่อสิ่งที่ต้องการลงในเครื่องมือค้นหา เช่น Google ถ้าพิมพ์ข้อมูล เป็น ภาษาไทยจะได้ข้อมูลเป็นภาษาไทยจะได้ข้อมูล เป็นภาษาไทย ถ้าเป็นคำที่ค้นหาเป็นภาษาอังกฤษ หรือพิมพ์เป็นภาษาอื่นๆ ก็จะได้ข้อมูลเป็น ภาษานั้นๆ เครื่องมือ ค้นหาข้อมูลเรียกว่า เสริ์ซเอนจิน (search            engine)   มีเว็บไซต์ใหญ่ๆ ทุกเว็บ เช่น Sanook.com google.co.th msn.com
                วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เกือบทุกวันหัวข้อที่นักเรียนค้นหา ข้อมูลจะพบคำอธิบายในสารานุกรมเสรีชื่อ วีกิพีเดีย (Wikipedia) ซึ่งเป็นสารานุกรมที่เปิด โอกาสให้ผู้รู้เข้า ไปเขียน บทความ  ของแต่ ละเรื่องไว้ โดยมีผู้ดูแลคอย ตรวจ ความถูกต้องแต่ก็อาจมีข้อผิด พลาดได้บ้าง เมื่อมีผู้พบข้อผิดพลาดก็จะเข้าไป แก้ไขได้อีก
                มารยาทในการใช้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต เมื่อนักเรียนจะเข้าไป คัดลอก ภาพหรือข้อมูลใดๆ จากเว็บไซต์มาใช้นักเรียนต้อง ให้เกียจติแก่ผู้บันทึก ข้อมูลเหล่านั้นโดยการพิมพ์ชื่อเว็บไซต์นั้นในเอกสารของนักเรียนด้วย

แหล่งข้อมูลจากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
                หนังสือเล็กทรอนิกส์เป็นหนังสือที่ผู้เขียนหนังสือนำมา สร้างเป็นแฟ้ม หนังสือด้วยซอฟแวร์เฉพาะสำหรับสร้างหนังสือ  ปัจจุบันมีผู้ผลิตหนังสือ   อิเล็กทรอนิกส์ไว้ให้อ่านหลายหน่วยงาน  ทั้งภาครัฐและเอกชน เล่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา  ขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ.มีเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยัง e-book  ที่รวบรวมไว้  สำนักพิมพ์ต่างๆ ก็มีหนังสือไว้ในเว็บไซต์ ของตนเอง นักเรียน สามารถเข้าไปอ่านตลอกเวลา  ข้อดีของ  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์คือ สามารถอ่านได้ทึกสถานทีและทุกเวลา ส่วนข้อเสีย คือการมีเครื่องคอมพิวเตอร์ และระบบอินเทอร์เน็ต นักเรียนสามารถสร้างหนังสือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ขึ้นได้เอง แต่ต้องเป็นข้อความที่เขียนขึ้นเอง ไม่ใช่ เป็นการละเมิล ลิขสิทธิ์ มีความผิดตามราชบัญญัติทรัพย์สินทางปัญญา

แหล่งข้อมูลจากห้องสมุด
                ห้องสมุดเป็นแหล่งรวบรวมหนังสือต่างๆไว้มากมาย นักเรียนสามารถ เข้าไปสืบค้นข้อมูลโดยการเลือก หนังสือ ตามหมวด  หมู่ที่บรรณารักษ์ประจำ ห้องสมุดจัดเรียงไว้ให้



นอกจากนี้หลายโรงเรียน ยังมีห้องสมุดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้วยห้องสมุดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็นแหล่งรวบรวมหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไว้เป็นหมวดหมู่เหมือนห้องสมุดทั่วไป  และยังมีระบบเชื่อมโยงไปยังห้องสมุดอื่นๆ ที่เป็นเครือข่าย  ทั่วโลก ห้องสมุดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์จะมีระบบยืมและคืน หนังสือให้บริการแก่ สมาชิกอีกด้วย






Biometric  Data

                การผสมผสานเทคโนโลยีทางด้านชีวภาพและทางการแพทย์กับเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันโดยการตรวจวัดคุณลักษณะทางกายภาพ( Physical   characteristics ) และลักษณะทางพฤติกรรม (Behaviors )   เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละคนมาใช้ในการระบุตัวบุคคลนั้นๆ และนำสิ่งเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกับคุณลักษณ์ที่ได้มีการบันทึกไว้ในฐานข้อมูล  เพื่อใช้แยกแยะบุคคลนั้นจากบุคคลอื่นๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช่ในการตรวจสอบบุคคลนั้นในกรณีที่อาจเป็นผู้ต้องสงสัยในการละเมิดกฎหมายได้อีกด้วยคุณลักษณะทางกายภาพ  ที่นิยมนำมาใช้ ได้แก่ ลายนิ้วเมือ ม่านตา  ชิ่งตาดำ   ฝ่ามือ และรูปหน้า  เป็นต้น 










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น